การแต่งงานกินดอง



การกินดอง
           นั้นเป็นประเพณีเก่าแก่ ตามโบราณกล่าวว่าอาวาหะมงคลบอกไว้ชายนั้นจากไปอยู่กับผู้หญิงลูกเผิ่นพุ้นเลยแต่งกินดอง เอาลูกเขยเรือนก็หากดีเอาล่น คำอาษิตลาวเว้าคำควรคักแน่ว่า เอาลูกเขยมาเลี้ยงพ่อแม่เฒ่า ปานได้ข้าวมาไว้ใส่เบี่ยอีกแบบหนึ่งนั้น ครั้นกินดอกแล้วเอาหญิงไปสมสู่ไปอยู่บ้านกับพ่อเฒ่าแม่เฒ่าแนวนี้ ก็หากหลายคำบรรยายมิไว้ว่า วิวาหะมงคลบนบอกภาษิตมีกล่าวไว้คำนี้คล่องคือ ว่าเอาลูกสะใภ้มาเลี้ยงปู่เลี้ยงย่า ปานว่าเอาผีเอาห่ามาใส่เรือนชาน คำอันนี้หาทางบ่ดีเอามากล่าว ลูกสะใภ้ดีๆ มีตั้งหลายมากล้นบ่เคยเว้ากล่าวเถิงท่านเอย
การเลือกคู่ควรกัน
         การที่หาคู่ครองนั้นคงมีหลายอย่าง เห็นหน้ากันก็มักเอาลืนล้นทรงไว้แม่นบ่ฟังนั่งนอนมองแต่มาเห็นหน้า บ่มียามสิหายสวง คิดฮอดหลายแท้ๆ สิตายย้อนแม่ผู้หญิง เป็นแบบนี้เรียกว่าบุพเพสันนิวาสปางหลังส่งนำมาให้ อีกอันหนึ่งนั้นเคยอยู่ใกล้แนบชิดสนิทกัน เห็นน้ำใจอัธยาศัยผ่องงามแลเยี่ยม เรียกว่าเหตุปัจจุบันแท้รวมกันสมสู่
          อันว่าลักษณะของชายหญิงนั้นต้องดูอีกอย่างหนึ่ง ลักษณะของชายนั้นมีรูปสมบัติสมประกอบแท้งามด้ามดั่งผู้ชาย คุณสมบัติดีด้วยมีวิชาประกอบ มีความประพฤติดีมีศีลธรรมพวกนี้เต็มด้วยสู่อัน มีฐานะของบ้านเรือนชานเป็นที่อยู่ บ่แม่นคนเร่ร่อนขโมยข้าวสิ่งของ ทั้งมีที่ทำมาหากินเป็นหลักแหล่ง สมควรหญิงเลือกเอาคนพวกนี้ไปหน้าจิงเจริญนั่นแหล่ว
          ลักษณะของหญิงนั้นอย่าให้เป็นแม่หญิง แม่ยังแม่กระชังก้นฮั่ว แม่ครัวลงล่าง แม่ย่างแม้เหาะ แม่เลาะขอบรั้ว แม่มัวแต่เพลิน แม่เดินบ่เบิ่ง
          หาเอาได้เมียแพงรู้ตลอด เรือน๓ น้ำ๔ พวกนี้เต็มพร้อมพร่ำใจ เรือนสามคือ เรือนผมนั้นอย่ารุงรังหมองหม่น เรือนไฟนั้นอย่าให้ขาดไม้ฟืนนั้นใส่คี่ไฟ เรือนนอนนั้นให้ดูแลสะอาด ฝูงหมู่หมอนเสือข้างหนุนนั้นสะอาดดี น้ำ๔ นั้นคือ น้ำกินน้ำใช้จะต้องระวังอย่าขาดแอ่ง เถิงแลงๆ นั้นกินหมากเคี้ยวหัวแย้มต่อกัน  น้ำเตาปุนว่านั้นอย่าให้ขาดเขินบทสำหรับอกหัวใจก็ให้มีตีด้วย อย่าไปเป็นคนเฮี้ยวโกรธากริ้วโกรธหน้าตาอย่าทำบูดเบี้ยวแนวนี้บ่งามแท้เนอ
การเจ้าสาว
          โบราณนั้นถือการคุยบ่าว ทั้งคุยสาวหมู่นี้สำคัญแท้อย่าลืม ยามเมื่อสาวลงเขินฝ้ายกลางคืนรอบ่าว ทั้งผู้ชายก็ถือแคนเป่าจ้อยๆ เสียงระห้อยอ่อนหู ทั้งหญิงนั้นก็ได้ยินเสียงเว้าทั้งแคนเสียงม่วน สองก็หมายขอดมั่นเป็นเนื้อดอนเดียวได้สัญญากันแล้วสิลงไทยไปล่าง หลายปีบ่ว่างเว้นคะนิงเจ้าผู้เดียวไปเพื่อหาเงินได้สิกลับมาโอมเอาแต่ง
การขอโอม
          ธรรมดาโบราณพุ้นวิธีโอมแต่ง ญาติผู้ใหญ่นำขันหมากขันพลู ใส่ขันให้เรียบร้อยสาแต่งตัวเงิน๓ บาท ใส่ขันไว้ว่าเป็นของไขปาก ของไขปากไขคอสำหรับโคตรเชือนำให้ข่าวสาร ชาย ๒ คนถือขันหมากนี้ให้พ่อแม่ของหญิง ถ้าเผิ่นยินยอมตกส่งลูกสาวมาให้ เผิ่นจักมีใจด้วย เอาเงิน๓ บาท หากบ่พอใจแท้เงินจ้างก็บ่เอา
ค่ากินดอง
           ค่าดองนั้นคือราคาเป็นค่า หรือว่าเป็นสินสอดไว้ตัวเจ้าค่าพ่อใดในโบราณกล่าวไว้ว่าคนส่วนใหญ่ครองเมืองเป็นราชบุตรราชา หมู่แสนเมืองพร้อม อุปราชานั้นถือเป็นคนใหญ่ ต้องตีราคา ๖ ตำลึงว่าไว้ถือมั่นต่อมา ถ้าเป็นลูกเต้าฝูงหมูตาแสงหรือนายกอง ๓ ตำลึงจริงแท้ ถ้าว่าเป็นธรรมดาสามัญแล้วตีราคาเพียง ๖ บาท เถิงวันแต่งงานก็จิงมอบให้ทั้งคู่บ่าวสาว
            อีกอย่างหนึ่งนั้นเจ้าโคตรฝ่ายชาย จัดไปพร้อมหมากพลูบุหรี่ข้าวต้ม ๒ กระหยังให้สองคนลือมอบ ถ้าฝ่ายหญิงพอใจก็รับเอาไว้ได้มาเว้าต่อกัน ถ้าบ่พอใจแล้วบ่มีดารเว้าต่อ ถ้าพอใจรับคำไว้แล้วมาปลิ้นเปลี่ยนไป เงิน ๓ บาทนั้นก็เหล่ามอบคนหญิง ถ้าผู้ชายเหลวไหล ก็เหลาคืนเงิน ๕ ครั้นพอใจกันแล้วหญิงก็เอามาแจก ข้าวต้ม ๒ กระหยั่งแจกพี่น้องกินแล้วส่งคืน เอากระหยั่งนั้นคืนไปบ้านเก่า แล้วก็เว้าหาฤกษ์ยามแล้วจิงแต่งงานนั่นแหล่ว
ความหมายว่ารักใคร่
            ทางชายนั้นหาของไปมอบ เช่นว่าแหวนใสก้อยกระจวนน้อยใส่หูหรือเป็นของให้มีราคามีค่า หญิงต้องเก็บรักษาของพวกนั้นบ่มีให้เสื่อมเสีย ถ้าภายหลังมาบ่อพอใจด้วยเงินทองของฝากก็ต้องคืนมอบให้ฝ่ายชายนั้นดั่งเดิม
             ของฝากอีกอันหนึ่งนั้น เป็นของฝากเห็นกันในฝูงคณาญาติกาสู่คนเห็นพร้อม คือว่าของนำไปสู่ขอหญิงแท้ คือข้าวต้ม ๔ กระยั้งทั้งกล้วยอ้อยน้ำตาลพร้อมสู่อัน และตะกร้าใบเล็กนั้นสานด้วยไม้ไผ่เป็นกระทงของอยู่ในมิไข่ ถั่ว งา หมาก พลู ไปพร้อมหลายเหลือล้น มีข้าวสาร ข้าวเปลือก ทั้งสีเสียเมล็ดฝ้ายฝู้นี้ใส่นำ ให้นำไปขอหญิงเค้าหัวปี หรือน้องหนุ่มเขามักใช้ตะกร้อ ๓๓ ใบ เพียงแท้คนหัวปีนั้นถูกครอง ถ้าเป็นคนกลางให้ใช้ตะกร้อ ๑๖ ใบ กับเงิน ๒ บาทนั้นมอบได้ดั่งหมาย
             ครั้นว่าพ่อแม่ของหญิงได้รับเอาดั่งกล่าวมานี้ ถือว่าเป็นการยินยอมยืนให้ลูกสาวแล้วเพียงจริง พ่อแม่หั้นส่งข้าวต้มสองหยั่งกับเงินเป็นราคา ๑๐ เหรียญเหล่าคืนผู้ชายไว้ ส่วนว่าสิ่งนอกนั้นพ่อแม่ของหญิงนำเองไปแจกญาติกาได้
วันปลูกบ้านใหม่
            ครั้นว่าทั้งสองได้ตกลงปล่งฮ่อม คิดจักปลูกบ้านเรือนสร้างอยู่ครอง ให้ฝ่ายชายจัดหาไม้มาทำเรือนแปลงปลูก ลงมาที่บ้านหญิงช่วยปลูกแปลง ฝูงญาติพี่น้องมาช่วยกันทำอาหารการกินฝ่ายผู้หญิงหาต้อนทำให้เสร็จในวันเดียวได้เป็นการดีการชอบ ส่วนเสื่อหมอนเตียงนอนพวกนี้เป็นของเจ้าฝ่ายหญิง
เครื่องสมนาสมมา
           การสมมานั้นเป็นหญิงโดยมาก จัดหมู่หมอนเสื้อผ้าจัดให้ฝ่ายผู้ชาย โบราณเรียกไว้ว่าเป็นเครื่องสมมา เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงจักเตรียมไว้ก่อนงานจะตกแต่ง เป็นธรรมเนียมเก่านี้ดีล้ำกว่าหลัง
งานกินดอง
           การกินดองนี้มีพิธีเป็นการใหญ่ ตามฐานะของไผมีหรือจนแล้วแต่เจ้าจะทำให้ค่าสม เตรียมการรับญาติพี่น้องมาร่วมในงาน มีอาหารการกินอยู่กันเพียงพร้อม ทั้งชายนั้นเอาพาขวัญมาตั้งผ่าง ทั้งฝ่ายหญิงก็ยกเครื่องสมมาเครื่องปูที่นอนพวกนี้มาพร้อมพร่ำกัน แล้วฝูงญาติพี่น้องมานั่งรวมกัน
<<พิธีสู่ขวัญ
          เมื่อได้เวลาแล้วยามดีได้ฤกษ์ เฒ่าแก่เข้านั่งล้อมพาขวัญแล้วเหล่าประณม พราหมณาเฒ่าโมทนาเลยสวด เสียงเอิ้นอ้อยฟังแล้วม่วนหู พอว่าแล้วสวดเอิ้นเรียกเอาขวัญ เสร็จสรรพเลยผูกแขนสองเจ้า เอาตนเข้าทั้งคนแหนแห่เข้าสู่บ้านผู้หญิงก็พร้อมพร่ำ เหล่านำมาแจกเลี้ยงกันเสียงพ่อเหลือ ท่านเอย
พิธีสู่ขวัญมือก่ายกัน>>
การเข้าพาขวัญกลับก่าย คือให้ทั้งสองหญิงชายนั่งล้อมพาขวัญเจ้าก่ายกัน เอาแขนท้าวก่ายแขนนางไว้ก่อน คือแขนชายพาดก่ายแขนหญิงไว้แล้วดูซ้ำซ่างงาม แล้วจิงจับไข่ได้มาปลอกสิใส่ ใช้เส้นผมตัดตรงกลางเบิ่งดูดีแท้ ถ้าว่าฟองไข่นั้นเต็มดีดูปลอด ถือว่าดีมากล้นสอง เจ้าอยู่สบาย จนถึงถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรอยู่ยืนยาวมั่นเลยเอายอยืนให้ชายไปชีกหนึ่ง เอาให้หญิงอีกซีกหนึ่งนั้นมาฟ้อนหม่ำกัน ชายก็ยอมือป้อนหญิงไปสาก่อน ส่วนว่าหญิงก็ป้อนชายได้ดั่งใจ พอว่าเสร็จสรรแล้วทั้งชายถอยออก หยิบยกขันดอกไม้สมมาให้พ่อแม่หญิงทั้งโคตรเชื้อหญิงนั่งเป็นวงษ์ ชายก็ยอสมมาจงควรจริงแท้
การสมมาหญิง>>
ครั้นว่าผู้ชายกลับไปบ้านผู้หญิงเฮาเริ่มต่อ นำผู้หญิงไปเรือนของชายเรียบร้อยแล้วยอไหว้เพื่อขมา ของสมมานั้นมีเสื้อผ้าของชายนุ่งห่มของผู้หญิงก็มีเสื้อและผ้ามาพร้อมพร่ำกัน  ของสมมาพ่อแม่ผู้ชายนั้นบ่คิดอ่าวเป็นเงิน เจ้าโคตรฝ่ายชายนั้นจะสมมาเป็นสาดอาสนะพวกนี้ทำได้สู่ยาม

 <<พิธีส่งตัวผู้ชาย
การส่งตัวผู้ชายไปสู่เรือนหญิงนั้น เอาเวลาเย็นๆหน่อย ภาษาเฮาว่าเวลาบ่าวโฮมสาวประมาณสองทุ่มเศษได้ โฮมพร้อมพร่ำกัน แล้วจิงร้องโฮแห่เอาชายไปส่งเถิงเรือนหญิงชื่นบานโฮร้อง ว่าแม่เฒ่าเอยลูกเขยมาแล้ว ไขป่องเอี่ยมเยี่ยมเบิ่งลูกเขยแด่เนอ
ครั้นว่ามาเถิงบ้านหญิงสาวรีบฟ้าวฟัง ต้อนจูงเอาบ่าวเจ้าไปขึ้นสู่เรือน แล้วก็จัดกินเลี้ยงฝูงคนแหนแห่  ต่างก็มีหัวใจยิ้มแย้มดูหน้าเบิ่งกันแท้แล้ว
พิธีจักปู ที่นอนส่าวสาว>>
ครั้นว่าเสร็จการเลี้ยงฝูงเฮาเจ้าโคตร ผู้มีฐานะดีมีลูกเต้าก็ล้วนแต่ดีบ่เคยมีการร้างป๊ะกันเหินห่าง ให้เป็นผู้ปูที่นอนให้สองสาวบ่าวของผู้ชายปูทางขวาให้สูงอยู่ไว้ต่ำอยู่ข้างใต้เป็นของเจ้าหย่อมผู้หญิง ปูทางขวาไว้ของชายจิงชอบปูข้างซ้ายต่ำกว่าหน่อยหนึ่ง ได้เป็นของเจ้าหม่อมหญิง ครั้นว่าปูเสร็จแล้วลองนอนดูก่อน ลุกขึ้นจูงเจ้าหม่อมผู้หญิงแล้วจิงจูงผู้ชายเข้าตามหลังโดยด่วน ปิดประตูห้องไว้ประมาณได้ดั่งควร พอเป็นพิธีให้ชายหญิงร่วมสมสู่ แล้วจิงเปิดประตูต่อหน้าโคตรเชื้อสวงเจ้าพวกพยาม
การมอบตัว
         ส่วนเจ้าโคตรฝ่ายหญิงนั้นสอนหญิงทุกอย่าง ให้รู้จักรีดผัวครองเมีย รีดบ้านครองเรือนของหญิงชายบอกไว้สอนให้สู่เชิง ให้รู้จักรักแพงกันไว้จนไปตลอดชีพ พอว่าจบการสอนแล้วฝูงชายทั้งเจ้าโคตร จักฝากฝังผู้ชายหนุ่ยนั้นเป็นเจ้าลูกเขย


<<การร่วมชูเอาเสียเลย
             ยังมีอีกแบบหนึ่งนั้นเรียกว่าชูเฮา ทั้งหญิงชายมีความรักสมัครรักใคร่กันแล้วนัดหมาย หากจักเว้ากับตนพ่อแม่ กลัวเอาบ่ได้หวังสิ้นขาดลง ทั้งชายหญิงก็ได้ร่วมกันสมานกัน แล้วจิงวอนบิดามารดาแต่งงานเอาให้ เป็นการจำเป็นแล้วสองคนเคยร่วมกันแล้ว พ่อแม่ก็ขัดขืนบ่ได้เลยให้แต่งงานนั่นแหล่ว
การตามแม่ร้างพ่อหม้าย
           การตามนั้นคือการเดินตาม คือดั่งของขาดแล้วมาเพิ่มตามลงไทยเราก็คือเอาผ้าป๊ะมาตาม คำอุปมาดังนี้เฮารู้ทั่วกัม ถ้าว่าไผ เป็นพ่อร้างหรือหม้ายมาก่อนเดิมดา ก็ให้มีราคาลดลงเหลือน้อย เช่าเงินค่าดอง ๕๐๐ ก็เหลือลงครึ่งหนึ่งให้สองร้อยห้าสิบท่อนั้นพอคุ้มค่ากัน
             การกินดองของโบราณนั้นมีวิธีซ้ำตืม  กินดองธรรมดาแล้วยังมีกินอีกเถิง ๕ ครั้งเขาเว้าซื่อกัน ครั้งหนึ่งเรียกว่าการแปลงขึ้นให้ยืนยงไปตลอด ครั้งที่ ๒ ว่ากินกกฮอดเหง้าคราวนี้ชอบดี ครั้งที่ ๓ นั้นเรียกว่ากินกาว ทั้งคาวหวานดื่มกินกันแล้วครั้งที่ ๔ นั่นคือการกินขอด มีพ่อใดกินขอดเกลี้ยงบ่มีให้อยู่เหลือ  ครั้งที่ ๕ เป็นหมู่ถมรวยของเก่า แต่ละครั้งละคราวมีวิธีทำดังนี้โบราณเจ้าต่อมา
             ฝ่ายผู้ชายก็หาไหเหล้ามาเตรียมรอท่าไก่ต้มสุก ๑ ตัวไว้แล้วรอท่าแขกคนถ้วย ๑ ใบ เงิน ๖ ลาดนั้นไปไหว้ภูตผีของหญิงแล้วทาของเลี้ยงญาติ เอาเหล้าไหไก่ตัวพร่ำพร้อมมาไหว้ฝ่ายหญิง ส่วนว่าทั้งหญิงนั้นต้องเก็บไหถ้วยเขามาไว้ถ้วนถี่ ทั้งเงิน๖ ลาดนั้นเก็บไว้อย่างดี ถ้าหากเกิดหย่าร้างก็คืนให้คู่อัน ถ้ายังบ่หย่าร้างก็เก็บถอดในอก โบราณถือว่าเปลี่ยนของรักษาจากฝ่ายหญิงมาไว้ จะสวัสดีน้อยอายุยืนยาวยิ่ง
            การกินกกนั้น คือการกินเลี้ยงคราวไว้คนหัวปีมาเกิด หรือว่าบ่มีลูกเต้าคราวได้รอดปี สามปีแล้วบ่เคยยังมีลูก โบราณให้จัดการกินกกอีกซ้ำเพื่อหวังล้ำและคูณ ผู้ชายนั้นหาหมูมาได้ตัวเดียวสาก่อน เอาเหล้า ๑ ไหมาพร้อมเตรียมไว้เพื่อคน ส่วนผู้หญิงนั้นเพิ่มหมู ๒ ตัว เหล้า ๘ ไหใส่ไว้รอถ้าเพื่อนฝูง ร่วมกันที่บ้านของหญิงสาก่อน แต่ว่าแยกกันทำส่วนไว้ไผมันแล้วจิงรวม ให้ทั้งชายเอาไปเลี้ยงผีของหญิงสาก่อน จิงจักนำมาเลี้ยงฝูงโคตรเชื้อทั้งก้ำฝ่ายชาย เสร็จการเลี้ยงโคตรฝูงโคตรทั้งสองฝ่ายก้ำหายร้อนอยู่เย็น
             การกินกาวนั้นผัวเมียร่วมกันอยู่ ได้ลูกคนที่ ๒ อีกแล้วจัดเลี้ยงอีกที การกินครั้งนี้เรียกว่ากินกาว มือฝ่ายชายนั้นจัดเอาหมูมาหนึ่งควายทั้งตัวหนึ่งพร้อมกันแล้วรีบทำไปรวมกันที่บ้านของผู้หญิงทั้งพวก เสร็จเรียบร้อยแล้วขึ้นสู่ผีตาทั้งฝ่ายหญิงตายเดียวคราวนี้ ทั้งเหล่านำมาเลี้ยงตายายทั้งโคตรสองฝ่ายก้ามดูถ้วนสู่คน ส่วนฝ่ายชายนั้นมีควาย ๒ ตัว กับเงิน ๖ ตำลึง เอาไปขอน้องนางเมียของพี่มาอยู่เรือนพ่อแม่ฝ่ายชายพร้อมทั้งเลี้ยงโคตรเชื้อมีพร้อมพร่ำกัน แล้วฝูงโคตรชิเชื้อกำฝ่ายของหญิง นำบุตรีลูกตนส่งเถิงเรือนบ้าน ไปเป็นคนดีได้นางงามสะใภ้ย่า เรียกว่ากินกาว อีกซ้ำคราวนี้เทือ ๓
            เทือ ๔ นั้นกินขอดตามกาล ผัวเมียได้บุตรคนที่ ๓ ก็เหล่ามีกินเลี้ยง ฝ่ายทางชายนั้นหาควายมาตัวหนึ่ง ไปปรุงอาหารที่บ้าน เมียพุ้นแม่นครอง แล้วเหล่านำมาเลี้ยงผีตาฝูงโคตร ทั้งสองฝ่ายมาพอกเลี้ยงกันให้อิ่มหนำ
            เมือ ๕ นั้นเรียกหมูถมฮวย ผัวเมียมีบุตร ๔ คนรวมได้หรือเรียกว่าควายแม่ลูกผูกใต้ถุน แม่มันเลี้ยงไว้เอาลูกไปเป็นอาหาร ฝ่ายชายนั้นจัดมาให้หมูสองตัวตัวอ่อน หรือเอาควายตัวแม่มาผูกไว้ทางบ้านหญิง ควายแม่นั้นมีลูกติดมาตามตำราว่าให้เอามันฆ่า ตำรานี้คนเขียนบ่เห็นชอบ มีแต่ฆ่าเอาร้ายใส่เขา ส่วนว่าตำราสอนให้เอาไก่ตัวเป็นมาตัวหนึ่ง ผูกไว้ใต้ตระล่างเรือนเป็นวิธีเรียบร้อยสาแล้วปล่อยไปเอาให้เมียไปเลี้ยงถนอมมันได้ใหญ่ ไก่ตัวนี้เรียกว่าไกขาป นกซากห่มครั้นว่าเสร็จเรียบร้อยไปเลี้ยงหมู่ผี ของผู้ขอหญิงให้คราวหลังก่อนพิธีการกินดองทั้ง ๕ นี้ไผรู้ก็เลือกเอาบ่อห่อนทำพร่ำเพรือเสียประโยชน์หากิน ทั้งเป็นกรรมเอาแต่สัตว์มาทำเป็นอาหารจิงบ่ควรเห็นด้วย แต่คัมภีร์ เขียนไว้เอาใจความมาให้อ่าน จะเป็นการบ่ชอบด้วย อภัยท่านผู้อ่านดูนั่นเทอญ
           ในธรรมบทกล่าวไว้โอวาทเศรษฐีหลวง ชื่อ ธนัญชัยเศรษฐี พ่อนางวิสาขาผู้ลือนามไว้ คราวเมื่อมิคคาระเศรษฐีขอได้นางไปเป็นสะใภ้ย่าธนัญชัยเศรษฐีสอนน้องนาถหล้าเอาไว้อย่างดี มีโอวาท ๑๐ ข้อสอนให้ไว้ควรได้อ่านดู ข้อ๑ อย่าเอาความผิดในบ้านไปเผยเขาดูถูก เผยนอกบ้านแนวนี้แม่นบ่ดี ข้อ ๒ อย่าเอาความนินทาเว้าความบ่ดีหาใส่อยู่นอกบ้านคลายไว้อย่าใส่ใจ เอาเข้ามาในบ้านพาลกันหาวิวาท ข้อ ๓ ไผควรที่เฮาทานให้ ก็ควรเททานทอด คนบ่อควรอย่าให้สิมีเรื่องมาดหมาย ข้อ ๔ นั้นเห็นบ่สมควรอย่าขืนใจจักมีเหตุ ข้อ๕ ญาติกาเจ้าผัวเมียทั้งคู่ฆ่าขอเพิงเจ้าอย่าไลทิ้มปล่อยเขา ข้อ ๖ นั้น พ่อผัวแม่ผัวทำงานแล้วอย่าเฉยเมยนั่งอยู่ ควรที่จะช่วยอย่ามัวเล่นนั่งเพลิน ข้อ๗ นั้นอย่าทานอาหารก่อนเผิ่น พ่อผัวแม่ผัวรับทานเรียบร้อยตัวเจ้าจิงทานพ่อเนอ ข้อ๘ นั้นตื่นก่อนนอนทีหลัง ข้อ๙ นั้นให้ยำเกรงเจ้าพ่อผัวแม่ผัวอย่าประมาท ให้ถือพ่อผัวแม่ผัวเป็นไฟหรืองูร้ายคอยให้พิษเฮา ข้อ๙ นั้นให้เคารพพ่อแม่เจ้าของผัวเป็นเทพ ข้อ ๑๐ ไผบ่เคยให้ก็อย่าให้เขาสิมาดูหมิ่น ธรรมครองเรือน ๑๐ อย่างนี้เป็นเหตุความจริง
            หน้าที่ของผัวนั้นมีประมาณ ๕ อย่าง คือ ๑ ยกย่องนับถือว่าเป็นเมียดวงใจแท้ๆ บ่หันปลิ้นเปลี่ยนแปลง  ข้อ ๒ นั้นบ่ดูแคลนให้เสียชัยยศต่ำ  หาว่าเป็นคนทุกข์ยากไฮ้บ่สมเชื้อเผ่าสกุล ข้อ ๓ นั้นบ่หากำไรได้แนวใดสักอย่าง บ่นอกใจเมียรักร่วมห้องนอนช้อนกล่วยกัน ข้อ๔ นั้นมอบอำนาจให้เรือนชานเป็นใหญ่ เป็นหลักชัยแม่บ้านห่วงให้ผู้อื่นใด ข้อ๕ นั้น หาแพรผ้าผืนงามให้นุ่งห่มอยากได้เสื้อผ้าอันใดแล้วส่งเสริมนั่นเนอ
             ส่วนว่าหน้าที่ของเมียนั้นหลายประการดั่งจักกล่าว ข้อ ๑ เผิ่นบอกเว้าให้ทำสร้างช่วยงาน แนวใดพอทำใดของผัวที่ชดช่วย บ่เมินเฉยนั่งเล่นบ่สมแก้วแก่นผู้หญิง ข้อ ๒ สงเคราะห์คนข้างเคียงผัวอย่าเหินห่าง ข้อ ๓ ข้อสำคัญมากล้นคือบ่เล่นนอกใจ ข้อ ๔ ทรัพย์ผัวหาได้พยายามเก็บแจบ อย่าสุรุ่ยสุร่ายเกินเค้าจ่ายไป ข้อ ๕ นั้น บ่มีความเกิดคร้านงานนอนในเรือน อย่าเอาแต่นอนกลางวันบ่ฮำฮอนการบ้าน
งานของผัวเมียนี้มีประจำตลอด ครอบครัวจะมีสุขอยู่ได้บ่มีร้อนร่วมใดนั่นแหล่ว